Wednesday, December 10, 2014

นิทานก่อนนอน "คางคกขี้เหร่"

นิทานก่อนนอน:  คืนนี้ไอดินให้โจทย์เรื่องว่า "คางคกขี้เหร่"



ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว....
มีคางคกหน้าตาน่าเกลียด ขี้เหร่มากๆ แม้จะจิตใจดีงามแต่ก็ไม่มีใครคบ
จึงถูกขับออกจากฝูง มาใช้ชีวิตลำพัง
วันหนึ่งมี กระต่าย วิ่งมาชนเจ้าคางคก
ต่างขอโทษขอโพย สนทนาปราศรัยกัน
จึงได้รู้ว่า กระต่ายตาบอด ผ่านชีวิตมาก็คล้ายๆกัน
อยู่ตัวเดียวเลี้ยงตัวเองในโลกมืด
แต่ถึงตามองไม่เห็น กระต่ายก็ใช้ใจมองโลกให้สวยงาม.สว่างไสว...
คางคกขี่เหร่ที่เคยอยู่ลำพัง กับ กระต่ายตาบอดที่เคยอยู่ตัวเดียว
เลยสัญญาจะเป็นเพื่อนกัน ไปไหน ไปกัน
สองตัวรักใคร่กลมเกลียว ช่วยเหลือกัน ไม่ลำพัง ไม่ตัวเดียว อีกต่อไป
จนมีวันหนึ่งมี นางฟ้า มาปรากฎอยู่ตรงหน้าเกลอทั้งสอง
นางฟ้าใจดีให้เลือกพรสมดังหวังได้หนึ่งข้อ ระหว่าง
เสกให้คางคกหายขี้เหร่เป็นคางคกรูปงาม หรือ เสกให้กระต่ายตาดีหายตาบอด

ถ้าไอดินเป็นนางฟ้า
ไอดินจะเลือกอะไรครับ
กด 1 เสกให้คางคกหายขี้เหร่
กด 2 เสกให้กระต่ายหายตาบอด

------------- 
ทีแรกไอดิน เลือกกด 1 เสกให้คางคกหายขี้เหร่
ไอดินบอกว่ามันจะได้ไม่น่าเกลียด และมีเพื่อน
ก็ได้สอนลูกว่า หน้าตาดี ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญนักหรอกลูก ความดีในจิตใจสำคัญกว่า
แล้วกระต่ายหล่ะ มันต้องทนตาบอดต่อไปเหรอ..

ไอดินจึงเปลี่ยนมา เลือกกด 2 เสกให้กระต่ายหายตาบอด ก็เลยได้ถามลูกว่า ถ้ากระต่ายหายตาบอด แล้วมองเห็น คางคกขี้เหร่ 
กระต่ายจะยังคบคางคกขี้เหร่อยู่อีกไหม.... 

ไอดินนิ่งคิด แล้วตอบว่า
ไอดินจะเลือก เสกให้กระต่ายหายตาบอด
แล้วบอกว่า คางคกมีจิตใจดี กระต่ายก็จิตใจดีก็จะเข้าใจและเป็นเพื่อนกับคางคกต่อ
....

เรื่องก็เลยจบลงตรงที่ว่า 
ทั้งสองตัวตัดสินใจจะเลือกให้นางฟ้าเสกให้กระต่ายหายตาบอด 

กระต่ายมองเห็นคางคกสวยงามเหมือนที่เคยเห็นในใจ คางคกก็ไม่ขี้เหร่ในสายตาของกระต่าย
กระต่ายก็หายจากตาบอด 

และแล้วทั้งสองก็อยู่เป็นเพื่อนกันอย่างมีความสุข.... ตลอดไป....

Good Night ครับลูก


Tuesday, December 09, 2014

อุปสรรคของงานวิจัย ?


วันนี้โดนรุมสัมภาษณ์ครับ
เขาถามว่า ที่ผ่านมา การทำงาน การทำวิจัย การลงพื้นที่ มี "อุปสรรค" อะไรไหม 
การสื่อสารเป็นปัญหาไหม การถ่ายทอดเทคโนโลยียากไหม การต้องบูรณาการความรู้ต่างๆ ใช่ไหมที่ยาก
ผมตอบว่า ไม่มี "อุปสรรค" ครับ 
สิ่งต่างๆ เหล่านั้นเป็น "โจทย์" วิจัย ที่เราต้องคิดแก้ไขจัดการ
แต่ถ้าจะให้ผมตอบจริงๆ ว่าอุปสรรคในการทำงานวิจัยผมคืออะไร 
คงต้อง ตอบว่า ภรรยาผมครับ
เมียผมเป็นห่วงที่ผมต้องเดินทางลงพื้นที่ ไม่อยากให้ไปบ่อย
^___^

มุกนี้ เรียกเสียงฮาตรึม บรรยากาศในการพูดคุยเปลี่ยนไปเลย ทุกคนยอมรับ ว่ามีอุปสรรคเหมือนกัน สัมภาษณ์เสร็จต้องรีบกลับ 'อุปสรรค' รออยู่ ^_^

พลิกนิดเดียวนะครับ
ระหว่าง 'อุปสรรค' ในการทำวิจัย กับ 'โจทย์' ในการทำวิจัย มุมมองการทำงานจะเปลี่ยนไปมาก

ปล เขามาสัมภาษณ์เรื่องงานวิจัยเกี่ยวกับเซนเซอร์
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมดูที่ https://www.facebook.com/OASYSReseach ครับ

Monday, December 01, 2014

เราจะข้ามเวลามาพบกัน (Only love is real) by PopO

เรื่อง เราจะข้ามเวลามาพบกัน (Only love is real) 

ผมไม่รู้ว่าผมนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์มานานเท่าไหร่แล้ว 
แต่ที่รู้ก็คือตอนนี้ ตีสองแล้ว 
ผมจำได้ว่าเพิ่งละออกจากหน้าจอไปกินข้าวเย็นเมื่อสองทุ่ม 
หลังจากที่อยู่กับมันมานานพอควร 
พอมีเรี่ยวแรงสักหน่อยแล้ว ผมก็กลับมานั่งต่อ 
และก็ยังคงนั่งอยู่จนถึงบัดนี้ 

กับการนั่งหน้าจอนาน ๆ ขนาดนี้ 
ก็คงรู้ได้เลยว่านี่ไม่ใช่การนั่งทำงาน แต่เป็นการนั่งคุย 
คุยกับคนที่ไม่รู้จัก คุยกับคนที่มีตัวตนอยู่จริง 
แต่ใช้ตัวตนสมมติแอบแฝงบทบาทอยู่ในโลกไซเบอร์ 
แต่ก็แปลกการนั่งคุยของผมทั้งวันนี้ มันเหมือนจะเปล่าประโยชน์ 
ผมไม่ได้เพื่อนใหม่ และผม 
ก็ไม่พบเพื่อนเก่าที่เคยมักคุ้นกันในโลกแห่งนี้ 
ที่แปลกยิ่งกว่านั้นก็คือ ความรู้สึกเสียววาบ ๆ จนขนแขน 
ตั้งชัน เกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ ผมคิดว่าอากาศกำลังจะเปลี่ยน 
ปกติแล้วร่างกายผมก็ไวต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว 
ตอนนี้ฝนเริ่มเทลงมาแล้ว ความหนาวซึมผ่านร่าง 
ผ่านนิ้วมือที่จับจองเนื้อที่อยู่บนคีย์บอร์ดที่กำลัง 
ลุกคืบคลานไปค้นหา หาเพื่อนใหม่ และแน่นอนความรู้สึกวาบ ๆ 
ปลาบแปลกตามผิวกาย ก็ยังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา 

ย้อนกลับไปเมื่อคืนก่อน คืนที่ผมก็นอนไม่หลับอีกเหมือนเคย 
และต้องใช้หนังสือที่เรียงรายในตู้ขนาดย่อม 
หัวเตียงมาช่วยทำลายความคิดฟุ้งซ่านในหัว 
เหมือนปกติที่ผมมักจะสุ่มหยิบเล่มไหนก็ได้มาอ่านเพื่อ 
ให้หลับ เมื่อคืนผมเลือกเจอหนังสือที่เคยอ่านจบแล้ว 
แต่เอามาอ่านเล่นอีก ช่วงอายุที่เปลี่ยนไปอาจทำให้เนื้อความ 
เข้าใจในหนังสือเปลี่ยนไปก็ได้ ผมเลือกที่จะหยิบ Only love is Real 
เราจะข้ามเวลามาพบกัน ลงมา ด้วยเพราะปกที่แปลกตา 
และหยิบง่ายกว่าเล่มอื่น ๆ ผมคิดเริ่มต้นเพียงเท่านั้น 
แต่เมื่อเริ่มอ่านแล้วก็อ่านไม่หยุด 
ความง่วงหายไปจากที่เคยต้องการบัดนี้ผม 
ไม่ต้องการมันอีก ผมนอนอ่านอย่างบรรจง 
และพิเคราะห์อย่างพิจารณาเรื่องของ ชาติภพ การตายแล้วเกิดใหม่ จิต 
วิญญาณ 
ความรักและความตาย ทุกอย่างที่รวมกันอยู่ในหนังสือเล่มนี้ 

บัดนี้เวลา ตีสองครึ่งแล้ว 
แวบหนึ่งแทนที่จะเป็นความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นที่ปลายผิวกายเหมือนเคย 
คราวนี้การวาบไหวไปเกิดที่ 
หน้าจอ Monitor และเสียงร้องติ๊ด ติ๊ด เตือนจากลำโพง Speaker 
ของเครื่อง ความวาบไหวเกิดขึ้นชั่วขณะ ผมคิดว่าคงด้วยสัญญาณแม่เหล็ก 
ไฟฟ้าซึ่งมักจะเกิดขึ้นบ่อยอยู่แล้วเนื่องจากสัญญาณของเครื่องสื่อสาร 
ฝนข้างนอกตกหนักขึ้นจนผมไม่ได้ยินเสียงอะไรอื่น หน้าจอวูบไหวกลับ 
มาเป็นปกติ ผมเหม่อมองหน้าจอต่อ เหมือนรอคอยใครสักคน 
Blink k k k kk เสียงเหมือนเวทย์มนต์ของนางฟ้า 
บอกให้รู้ว่าขณะนี้มีข้อความจาก Yahoo Messanger ส่งเข้ามาหาผมโดยเฉพาะ 
ผม minimize notepad และ switch ไปเปิดอ่าน 
>only: สวัสดีค่ะ 
ผมทักตอบเธอ 
> popo: สวัสดีครับ ผม โป้โปะ ครับ คุณล่ะ 
> only : เพียงเดียว คะ 
> popo ชื่อน่ารักมากนะครับ 
> only: ตัวก็น่ารักค่ะ ว่า แต่ love is real สนุกดีนะค่ะ 
เป็นเรื่องจริงด้วย 
> popo: อารายนะครับ คุณหมายถึงหนังสือที่ผมอ่านเมื่อคืนนะเหรอ 
คุณรู้ได้ไงครับ 
>only : หนังสืออะไรค่ะ ฉันแค่จะบอกว่าฉันเพิ่งอ่านหนังสือเล่มนี้มา 
สนุกดี คุณก็อ่านมาเหรอค่ะ 
>popo : เอ่อ ครับ . . . . . . . . 
( ความรู้สึกผมวาบไหวจากที่เคยชำแรกผ่านแค่ผิวกาย 
บัดนี้มันซาบซ่านผ่านนิ้ว แขนและตรงดิ่งสู่ขั้วหัวใจ ) 
ผมนั่งนิ่งเหมือนถูกสะกด ความลังเลสงสัยเกิดขึ้นเฉียบพลัน 
ล้อเล่นน่า นี่ผมกำลังคุยกับใครอยู่ 
ปกติแล้วบุคคลสมมติในโลกไซเบอร์มักไม่ค่อย 
เปิดประเด็นคุยในเรื่องที่ชี้เฉพาะเจาะจงอย่างนี้ 
ถ้าจะคุยกันในลักษณะนี้ก็น่าจะเป็นคนที่ผมรู้จักมาก่อน ผมพยายามนึก 
เพียงเดียว.. เพียงเดียว.. เพียงเดียว 
มันคล้องกับเพื่อนคนไหนที่เรารู้จักไหม คำตอบคือไม่เลย 
ไม่เคยมีใครตั้งชื่อตัวเองได้เหงาเปล่าเปลี่ยวอย่างนี้ แต่ก็แปลก 
มันเป็นชื่อที่ผมรู้สึกว่า 
ถ้าผมไม่ใช้ชื่อ Popo สักครั้งผมก็อยากจะใช้ชื่อนี้ ใช่เลย 
เพียงเดียว เหงา เปล่าเปลี่ยว เพียงลำพังคนเดียว 
ชื่อนี้จึงคุ้นเหลือเกินในความคำนึงของผม 
เหมือนว่าผมเคยรู้จักมาแล้ว และเป็นสิ่งที่ผมใฝ่หามาตลอด 
ผมต้องการที่จะคุยกับเธอต่อและสร้างสัมพันธ์ที่ดี 
ผมคงได้มิตรภาพจากเธอบ้าง 
>popo: คุณอยู่ที่ไหนครับ 
>only : ไกลจากคุณมากค่ะ เห็นว่าที่คุณอยู่ฝนตกหนักเหรอค่ะ 
ระวังจะไม่สบายนะค่ะ 
>popo : ไกลจากผมมากแล้วคุณรู้ได้ไงว่าฝนตกหนักหล่ะครับ (check my 
profile ผมเหรอ) 
ผมคิดในใจ บ้า ! profile ที่ไหน มันจะบอกว่ะ ว่าฝนตกที่ 
ที่คนนั้นอยู่ด้วย ผมเพียงแต่ใส่ไว้ว่าผมเป็นผู้ชาย อยู่เชียงใหม่ 
ก็เท่านั้น 
>only : คุณอยู่เชียงใหม่ไม่ใช่เหรอค่ะ ก็เชียงใหม่ฝนตกหนักนี่ค่ะ 
ระวังไม่สบายน่ะค่ะ 
popo: เอ่อ..... ครับ ขอบคุณครับ 
ผมรีบจับ Mouse click ขวาที่ชื่อเธอ และ view profile ของเธอบ้าง 
IE โผล่ขึ้นมาอีกหน้าจอหนึ่ง โลกกำลังหมุนเพื่อดึงข้อมูล 

โลกหยุดหมุนแล้ว มีข้อความขึ้นบนจอ ว่า 
* Sorry, but the profile you are looking for is not 
currently available now 

สุดยอดเลย ! เธอคนนี้ crack จนไม่ให้มีชื่อเธออยู่ในสารบบด้วย 
มิน่าหล่ะถึงรู้เรื่องของเรามากนัก 
> only: อั่นแน่ คุณดู Profile ฉันหล่ะสิ 
ไม่มีหรอกน้าาาาาาาาาาาาา อย่าไปดูเลย เสียเวลาค่ะ 
> popo : รู้ได้ไงครับ 
นั่น แน่นอนที่สุด ผมเจอกับสุดยอด Hacker 
เข้าให้แล้ว คงจะดักจับ send-recieve Data ของผมด้วยหล่ะสิ 
> only : รูปลักษณ์สังขารเราห่างกัน 
แต่จิตของเราเชื่อมถึงกันนี่ค่ะ 
โอ๊ะ Hacker นักธรรม อีกต่างหาก สงสัยจะเรียน 
Budhist มาหล่ะสิ 
> popo : คุณหมายถึง แม้ว่า Hardware Architecture เราจะคนละแบบ 
Operating System คนละชนิด แต่ด้วยความที่สัญญาณเราส่งผ่าน 
ถึงกันด้วย Protocol TCP/IP ระดับชั้น Application Layer 
เลยทำให้เราสามารถที่จะส่ง Data ถึงกันได้อย่าง Compattible 
ใช่ไหมครับ 
หรือว่าคุณจะชวนผมคุยเรื่อง Java Application ครับ ? 
> only : คุณพูดถึงอะไรฉันไม่เข้าใจ 
ฉันมีเวลาไม่มากที่จะเชื่อมถึงคุณ โปรดละทิ้งความรู้ 
และใช้ความรู้สึกกันเถอะค่ะ 
> popo: อ๋อ internet ime คุณกำลังหมดแล้วเหรอครับ ใช้ package 
ของพวก KSC อยู่หล่ะสิครับถึงได้หมดไว ใช้พวก unlimited time 
สิครับประหยัดดี 
> only : พอเถอะค่ะ คุณพูดในสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ 
ฉันอยากถามคุณว่าคุณรู้สึกถึงฉันบ้างไหม 

ผมอึ้งเงียบไปพักใหญ่ ความรู้สึกวูบวาบตามเนื้อตัวหายไปแล้ว 
บัดนี้เป็นความรู้สึกเหมือนไฟช๊อตที่ขั้วหัวใจ 
และมีเสียงโครมครามออกมาจากก้นบึ้ง 
ได้แต่ถามตัวเองว่า ผมกำลังคุยกับใครอยู่ ? 

>only : ฉันแค่อยากถามคุณว่าคุณรู้สึกถึงฉันบ้างไหม 
ในชั่วบางขณะของจิต ในความรู้สึกลึก ๆ แล้วเธอยังมีฉันอยู่ไหม 

ผมยังคงเงียบ 

>popo : ผมไม่เคยรู้จักคุณไม่ใช่เหรอครับ 
> only : เราไม่ใช่แค่คนเคยรู้จัก เราเป็นมากกว่าเพื่อนสนิท 
ความสัมพันธ์ของเราต่างจากพี่น้อง มารดากับลูก 
หรืออะไรก็ตามที่โลกของเธอสมมติขึ้น 
>popo : ? ? ? 
>only : ฉันรู้ว่าเธอไม่เข้าใจ 
หยุดคิดแล้วใช้ความรู้สึกแทนเถอะค่ะ 

ความรู้สึกเหรอ ความรู้สึกของผมคืออะไร 
ความรู้สึกว่ามีไฟซ๊อตอยู่ที่ขั้วหัวใจ 
และมีเสียงที่พยายามตะโกนออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่ผมไม่เข้าใจ 
นี่หรือคือความรู้สึกที่เราพบกับ soul mate 
มันจะมีความรู้สึกแปลบปลาบระลึกได้อย่างนี้หรือ 
แต่นี่มันหน้าจอคอมพิวเตอร์นะ ไม่ใช่ดวงตาหน้าต่างของหัวใจ 
เหมือนในหนังสือสักหน่อย แต่ผมก็มีความรู้สึกแปลก ๆ 
กับการได้คุยกับเธอจริง ๆ 
ผมพยายามจะนำความรู้สึกส่วนลึกนั้นออกมาบรรยายผ่านปลายนิ้ว 
> popo: มี 
ผมตอบ ตอบห้วน ๆ ตอบอะไรก็ไม่รู้ ตอบส่ง ๆ ไปก่อนเถอะ 
นี่เราคุยกับใครอยู่ก็หารู้ได้ ถ้าเป็นคนจริง ๆ ก็ถ้าจะเป็นคนแปลก ๆ 
ถ้าเราทำอะไรไม่พอใจ 
คงจะยิง Nuke ใส่เครื่อง ดีไม่ไฟล์ IS ที่ผมทำมาสามปีกว่าจะมลายหายไป 
หรือถ้าเป็นคนไม่จริง ก็ให้มันรู้ไปสิว่า เดี๋ยวนี้ Hi tech 
ติดต่อกันทาง chat-net 
แต่อย่างน้อยที่สุด ผมก็ไม่ได้โกหก 

>only : เธอจำได้แล้วเหรอว่าเธอเป็นใคร 
>popo : จำไม่ได้หรอก แต่ผม 'รู้สึก' เอ่อ ใช่คำว่า 
'มั่นใจ' ดีกว่า ผมมั่นใจว่าผมรู้สึกถึงคุณ 
ผมมีความรู้สึกถึงคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ 

เสียงดังลั่นส่งออกจากลำโพงคอมพิวเตอร์ เป็นเสียงวีด วีด ต๊อก 
ต๊อก ๆ ๆ ๆ วีด วีด เหมือนคลื่นวิทยุซ่า ๆ แต่ก็มีเสียงวีดหวิวจับใจ 
เธอยิง nuke เข้าเครื่องผมแน่แล้ว ผมพยายามจะลุกไปหาแผ่น zip drive 
เพื่อ backup ข้อมูลออกจากเครื่องก่อนที่อะไรมันจะสายเกินไป 

>only : เธอกำลังจะเดินไปไหน ! เธอกำลังหนีฉันไปเหมือนที่ผ่านมา 
ฉันเจอกับเหตุการ์ณอย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า และมันมากเกินพอแล้ว 
ในห้วงเวลาที่แสนจะยาวนาน กี่ชาติภพที่เธอจะรู้ตัวเสียที ! 
บัดนี้ใกล้ถึงเวลาของฉันแล้วทุกอย่างมันอ่อนล้าเต็มที่ 
ฉันกำลังจะต้องไปในที่ 
ที่ฉันควรอยู่ และฉันคงจะไม่ได้พบคุณอีกแล้ว ได้โปรด 
นั่งอยู่นั่นตรงนั้นแล้วใช้ความรู้สึก 
ใช้สมาธิให้เต็มที่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า 
อย่าให้อะไรมันสายเกินไปอีกเลย 

>popo : ครับ 
ไม่ต้องคิดอะไรอีก ผมกลับมานั่งอย่างสงบที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ 
หัวใจเต้นดังแทบจะลั่นออกมาจากอก ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้วนอกจากเสียง 
หัวใจของผมเอง คงสรุปได้อย่างเดียวว่า ผมคงไม่ได้คุยกับคนธรรมดาอยู่ 
ไม่ใช่ซิ ผมอาจจะไม่ได้คุยกับคนอยู่ 
>only : ขยายการรับรู้ให้มากขึ้น อย่าใช้เพียงแค่รูป ลักษณ์ สัญญา 
คุณก็รู้อยู่สังขารเป็นอนิจัง ก้าวออกมาสู่อานาเขตใหม่ ค่อย ๆ หลับตา 
เอามือสัมผัสมาที่จอ 
บางทีสัมผัสสะส่วนนี้อาจทำให้คุณประจักษ์แจ้งได้เร็วขึ้น 
แน่นอนผมหลับตา ค่อย ๆ เอื่อมมือไปแตะที่หน้าจอ 

ความรู้สึกฉับพลันถาโถมเข้าร่าง 
สัญญาณหรือคลื่นบางอย่างแทรกผ่านปลายนิ้วผมอย่างรวดเร็ว เสียงสัมผัส 
ดังเสียงอิเล็กตรอน 
วิ่งผ่านระหว่างนิ้วมือกับหน้าจอดังสนั่น 
ผมคงกำลังถูกดึงเข้าสู่มิติอื่น ที่ผมไม่เคยก้าวข้าม 
ผมร้องลั่นด้วยความตกใจกลัว ! 
" อ้าาาาาาาาาาาา อย่า อย่าเพิ่ง ผมยังไม่พร้อม " 

ผมได้ยิน เสียงผู้หญิงหัวเราะแหลม พร้อมกับเสียงวีดหวิว รอบตัว 



" คราวหลัง อย่าลืมปิด web cam นะค่ะ เห็นหมดเลย 
แอบดูมาตั้งนานแล้วค่ะ ไปหล่ะแล้วเจอกันใหม่นะค่ะ โป๊ะโปะ " 

ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เครื่องกำลัง shutdown ตัวเอง 
หน้าจอค่อย ๆ ปิดลงไปทีละหน้าจอ ICQ ,IE ,yahoo mesanger 
และก็เป็นจริงของหล่อน 
ผมเปิดห้อง conferrence Chat ไว้ กล้องดิจิตอลตั้งอยู่ ข้าง ๆ หน้าจอ 
โดยมีหนังสือ Only love is real วางอยู่ข้างกัน 


ตอนนี้ตีสามครึ่งแล้ว ฝนหยุดตก 
ความเงียบเหงากลับเข้ามาอีกครั้งในชีวิต ผมปูที่นอน เปิดไฟหัวเตียง 
และสุ่มหยิบหนังสือมาเปิดอ่านเหมือนเคย

--  By Popo -- โพสต์ครั้งแรก สิงหาคม 2002 ---